คนอมก๋อยเคลื่อนขบวนเข้าเชียงใหม่ ฟ้องคัดค้าน EIA เหมืองถ่านหิน


ชาวบ้านอมก๋อยกว่า 100 คน เคลื่อนขบวนเข้าเชียงใหม่ เตรียมฟ้องศาลปกครองคัดค้าน EIA เหมืองถ่านหิน ที่ไม่เคยมีส่วนร่วม พร้อมเปิดตัวรายงานการผลกระทบสิ่งแวดล้อมฉบับชุมชน

วันที่ 28 มี.ค.2565 ณ จุดชมวิวบ้านกะเบอะดิน ต.อมก๋อย อ.อมก๋อย จ.เชียงใหม่ ผู้สื่อข่าวรายงานว่า ชาวบ้านกะเบอะดิน และจากหมู่บ้านใกล้เคียงกว่า 100 คน มาร่วมกันจัดกิจกรรม “อมก๋อย แดนมหัศจรรย์ : ลมหายใจบนไหล่เขา รอยยิ้มของแผ่นดิน เสียงหัวเราะของสายน้ำ”

ชาวบ้านผลัดกันบอกเล่าประสบการณ์ ที่ร่วมคัดค้านเหมืองถ่านหินอมก๋อยด้วยกันมากว่า 3 ปี พร้อมพูดคุยให้กำลังใจกันและกัน และอ่านแถลงการณ์ไม่เอาเหมืองแร่ถ่านหิน

แม่ของเยาวชนหนึ่งในกลุ่มชุมชนขับเคลื่อนประเด็น เพื่อปกป้องบ้านเกิดกล่าวว่า ลูกสาวมาทำงานขับเคลื่อนการต่อสู้คัดค้านเหมืองถ่านหิน ซึ่งจะต่อสู้จนกว่าจะได้รับชัยชนะ คือ หยุดโครงการเหมืองแร่ถ่านหินอย่างถาวร เพื่อให้ชุมชนมีความอุดมสมบูรณ์และดำรงวิถีชีวิตอย่างเป็นสุข ไม่ต้องกังวลว่าใครจะมาทำลายที่ทำกินและธรรมชาติในชุมชนที่บริสุทธิ์ อีกทั้งรักษาวิถีวัฒนธรรมกะเหรี่ยงโป ซึ่งมีความงดงามเป็นเอกลักษณ์

กิจกรรมดังกล่าวเป็นอีกครั้งที่ เครือข่ายภาคีปกป้องอมก๋อยจากถ่านหินและชาวบ้านอมก๋อย จะจัดขึ้นอย่างต่อเนื่อง ตั้งแต่วันที่ 28 มี.ค. - 4 เม.ย.2565 เพื่อบอกเล่าความกังวลเกี่ยวกับโครงการเหมืองแร่อมก๋อยต่อสังคมวงกว้าง

และวันที่ 1 เม.ย.กำหนดจะเดินทางไปที่อนุสาวรีย์สามกษัตริย์ ตัวเมืองเชียงใหม่ เพื่อจัดงานเปิดตัวรายงานผลกระทบสิ่งแวดล้อมฉบับชุมชน (CHIA) หรือ การประเมินผลกระทบทางสุขภาพ ที่คนในชุมชนจัดทำข้อมูลด้วยตัวเอง แตกต่างจากรายงานการวิเคราะห์ผลกระทบสิ่งแวดล้อม หรืออีไอเอ ที่ขาดการมีส่วนร่วมของชุมชน ซึ่งโครงการจัดทำเมื่อ 10 ปีที่ผ่านมา

 ธนกฤต โต้งฟ้า เยาวชนบ้านกะเบอะดิน เล่าถึงขบวนคัดค้านเหมือนถ่านหินอมก๋อย ว่า ชุมชนพยายามต่อสู้ด้วยข้อมูลของชุมชน และรายงานการประเมินผลกระทบทางสุขภาพ คนในชุมชนคือความหวังว่าจะทำให้ชนะในครั้งนี้

ธนกฤตกล่าวว่า ผู้เฒ่าคนหนึ่งในชุมชนกะเหรี่ยงบ้านกะเบอะดิน เล่าถึงเหตุการณ์เมื่อ 30 กว่า ปีที่แล้วว่า มีกลุ่มคนนอกเข้ามาในชุมชน และบอกให้ขายที่ดิน ถ้าไม่ยอมขายก็จะถูกยึดที่ดิน ชาวบ้านจึงยอมขายให้อย่างไม่เต็มใจ

โดยไม่รู้ด้วยซ้ำว่าจะเกิดอะไรขึ้นบ้างบนที่ดินแห่งนี้ เป็นทั้งแหล่งต้นน้ำ ผืนป่าจิตวิญญาณของบรรพบุรุษ พื้นที่เพาะปลูก และเป็นแหล่งทรัพยากรที่ชุมชนพึ่งพาตามวิถีวัฒนธรรมชนเผ่ากะเหรี่ยงที่สืบทอดกันมาเป็นร้อยปี

กระทั่งเวลาผ่านไปกว่า 20 ปี ในปี พ.ศ. 2562 ชุมชนจึงได้รู้ว่า พื้นที่ทำกินและผืนป่าอันอุดมสมบูรณ์แห่งนี้จะกลายเป็นพื้นที่ตั้งของโครงการเหมืองแร่ถ่านหินอมก๋อย

ใบปิดประกาศการขอประทานบัตรทำเหมืองแร่ของหน่วยงานรัฐ เป็นจุดเริ่มต้น ให้ชุมชนต้องลุกขึ้นมาคัดค้านแสดงจุดยืนไม่เอาเหมืองแร่ถ่านหิน

โดยการรวมกลุ่มกันของชาวบ้านกลุ่มเล็ก ๆ ที่มีทั้งเยาวชน ผู้หญิง และผู้เฒ่า เริ่มจากการทำความเข้าใจขั้นตอนต่าง ๆ ในการทำเหมืองแร่ และศึกษาเนื้อหา กระบวนการต่าง ๆ ทั้งหมด ของการทำรายงานการวิเคราะห์ผลกระทบสิ่งแวดล้อม หรืออีไอเอ ที่ชุมชนไม่ได้เข้าไปมีส่วนร่วมเลยแม้แต่ขั้นตอนเดียว

ดังนั้น เพื่อให้เสียงของชุมชนซึ่งเป็นกลุ่มชนเผ่ากลุ่มเล็ก ๆ ถูกเปล่งออกไปสู่สาธารณะอย่างมีพลังและสร้างผลกระทบต่อสังคมได้อย่างแท้จริง จึงได้ขับเคลื่อนขบวนต่อสู้ในหลายรูปแบบ ทั้งการยื่นหนังสือ การเจรจา สร้างเครือข่าย แลกเปลี่ยนเรียนรู้วิธีการต่อสู้จากชุมชนอื่น เพื่อออกมาคัดค้านโครงการเหมืองแร่ถ่านหินอมก๋อย ร่วมกับคนอมก๋อยและภาคีเครือข่ายภาคประชาสังคมอย่างเข้มแข็ง แต่การต่อสู้ทั้งหมดจะไม่สามารถขับเคลื่อนไปได้หากไม่มีข้อมูล ซึ่งเป็นหัวใจสำคัญในการมาสนับสนุนขบวนต่อสู้

การประเมินผลกระทบทางสุขภาพ ที่จัดทำโดยคนในชุมชน จึงเป็นอาวุธสำคัญ เพื่อปกป้องชุมชน ปกป้องแหล่งน้ำ ผืนป่า และวิถีของคนในชุมชนอมก๋อย และเพื่อคนเชียงใหม่ทุกคน ที่ต้องพึ่งพาทรัพยากรป่าและน้ำ ในชีวิตประจำวัน

เมื่อชุมชนมีชุดข้อมูลที่เพียบพร้อมและทำความเข้าใจอย่างลึกซึ้งแล้ว ก็สามารถนำไปสู่การกำหนดแนวทางต่อสู้ สื่อสารต่อสังคม ใช้เป็นข้อมูลสนับสนุนทางคดีเพื่อฟ้องร้อง สร้างอำนาจต่อรอง และสนับสนุนขบวนการขับเคลื่อนคัดค้านโครงการเหมืองถ่านหินของชนเผ่า และคนอมก๋อยได้อย่างเข้มแข็ง และมั่นใจด้วยตัวชุมชนเอง

 

การทำข้อมูลชุมชนมีความท้าทายหลายอย่างเนื่องจากเป็นเรื่องใหม่สำหรับชุมชน จึงใช้เวลาในการทำเกือบสองปี โดยมีภาคประชาสังคมคอยเป็นพี่เลี้ยง ช่วยสนับสนุนเครื่องมือและแนวทางต่าง ๆ ในการจัดทำชุดข้อมูลชุมชน

ซึ่งชุดข้อมูลทั้งหมดก็ได้ออกมาเป็นรูปเล่มหนังสือชุมชนเรียบร้อยแล้ว และชุมชนร่วมกับเครือข่ายภาคประชาสังคม จะจัดเวทีสาธารณะ เพื่อเปิดตัวหนังสือชุมชนในวันที่ 3 เม.ย. เวลา 17.00 น. ที่ คณะนิติศาสตร์ มหาวิทยาลัยเชียงใหม่ และในวันที่ 4 เม.ย. ชาวบ้านจะยื่นฟ้องคดีที่ศาลปกครองเชียงใหม่ เพื่อคัดค้านอีไอเอและเพื่อยืนยันสิทธิต่อไป

สำหรับโครงการเหมืองถ่านหินอมก๋อย ปี 2543 บริษัทเอกชน ยื่นคำขอประทานบัตรทำเหมืองถ่านหินระยะเวลา 10 ปี บนเนื้อที่ 284 ไร่ ไม่ไกลจากชุมชน บ้านกะเบอะดินและบ้านขุน คาดว่า มีถ่านหิน 720,000 ตัน

ปี 2554 มีการสำรวจแหล่งแร่ และจัดทำรายงานการวิเคราะห์ผลกระทบสิ่งแวดล้อม แล้วเสร็จ แต่ชาวบ้านระบุว่าเป็นขั้นตอนการทำที่น่าสงสัย ไม่มีการชี้แจงผลกระทบ

ปี 2562 เป็นจุดเริ่มต้นที่ชุมชนในพื้นที่อมก๋อย รวมตัวยื่นจดหมายและข้อเรียกร้องให้ยุติโครงการเหมืองถ่านหินต่อหน่วยงานอำเภอและจังหวัด โดยระบุถึงผลกระทบต่อวิถีชีวิตของชุมชนท้องถิ่นที่เป็นเอกลักษณ์เฉพาะ

ที่มา :ThaiPBS วันที่ 30 มีนาคม 2565

สงวนลิขสิทธิ์ © 1995-2015 สถาบันธรรมรัฐเพื่อการพัฒนาสังคมและสิ่งแวดล้อม (ธ.พ.ส.ส.).
8/16 ถ.กรุงเกษม แขวงวัดสามพระยา เขตพระนคร กทม. 10200
โทรศัพท์ 0 2280 1812 , 0 2280 6228 , 0 2280 0557 , 0 2628 6438
โทรสาร 0 2282 8877
e-mail: gseiorth@gmail.com